ฟังก์ชั่นใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งคำสั่งผ่านโปรแกรม eFin Trade Plus โดยระบบจะทำการส่งคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติเมื่อถึงเงื่อนไข
ตามกลยุทธ์ที่ลูกค้าได้กำหนดไว้

เวอร์ชั่นล่าสุดนี้ นักลงทุนสามารถเลือกเงื่อนไขให้ Auto Trade ทำงานได้เบื้องต้นโดยสามารถเลือกเงื่อนไขได้ดังนี้

ซื้อ/ขายหุ้นที่ราคาเป้าหมายที่กำหนดไว้
ซื้อ/ขายหุ้นที่ราคาตลาดฯ ตามเงื่อนไขของค่าสัญญาณทางเทคนิค เช่น ค่า SMA, Break High/Low, Discount High, Rebound Low
การส่งคำสั่งโดยใช้หลัก Money Management ควบคุมการขาดทุน
สร้างเงื่อนไขการขายแบบกลุ่ม ได้สูงสุด 3 เงื่อนไขต่อครั้ง
สร้างคำสั่งซื้อหุ้นล่วงหน้าสม่ำเสมอแบบ Dollar Cost Average
สร้างคำสั่งซื้อสะสมหุ้นล่วงหน้าโดยมีราคาที่ตั้งใจไว้แบบ Pricing Zone
คู่มือ Auto Trade     คู่มือ efin Trade Plus     เปิดบัญชีหุ้น     แบบทดสอบ Auto Trade



     


Minimize Emotions

ตัดสินใจซื้อขายจากข้อมูล
(สัญญาณเทคนิค/ราคาตลาด)

Diversify Trading

วางแผนการลงทุน สร้างกลยุทธ์การลงทุนของตัวเอง

Fully Automated

ประหยัดเวลา ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ

No minimum

มูลค่าการซื้อขายของ Auto Trade
ไม่มีขั้นต่ำต่อครั้ง





     


การทำงาน Auto Trade


  1. ลูกค้าสร้างเงื่อนไขการซื้อ/ขายหุ้น

  2. ยืนยันคำสั่งซื้อ/ขายตามเงื่อนไขที่สร้างในข้อ 1

  3. เมื่อเงื่อนไขในข้อ 1 เป็นจริงแล้ว (Order Trigger) ระบบถึงจะทำการส่งคำสั่งซื้อ/ขายไปตลาดหลักทรัพย์โดยอัตโนมัติ







Cut loss : หยุดขาดทุน ด้วย Auto Trade


Concept : การใช้ Cut loss price เพื่อป้องกันการขาดทุน


ตัวอย่าง นักลงทุนตั้งใจว่า

" หากราคาหุ้นลดลงหรือขาดทุน 5% ให้ทำการขายตัดขาดทุน " ดังนั้น ขาย : เมื่อ ราคาปัจจุบัน < ราคาหุ้นที่อยู่ในพอร์ต

 

จากภาพ หุ้น PTT

หากหุ้นในพอร์ต เราเข้าซื้อที่ราคา 346 บาท โดยตั้งตัดขาดทุนไว้ที่ 5%
ดังนั้น เราจะตัดขาดทุนที่ราคา 328 บาท (346 x 0.95 = 328)

Action    : เมื่อราคา PTT ต่ำกว่า 329 บาท ระบบจะส่งคำสั่งขายหุ้น PTT 1,000 หุ้น ที่ราคา 328 บาททันที ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ซื้อมา 5%

• Buy คือ ปุ่มส่งคำสั่งซื้อ
• Sell คือ ปุ่มส่งคำสั่งขาย
• Symbol คือ ชื่อย่อของหลักทรัพย์ ซึ่งระบบจะมีตัวช่วย Auto Fill Symbol ทำให้สะดวกมากขึ้น
• Simple Conditions คือ เงื่อนไขในการตั้งค่า

1. Last > คือ Last Sale มากกว่า ค่าในช่อง Value
2. Last <คือLast Sale น้อยกว่า ค่าในช่อง Value
3. Last > SMA(Day)คือ Last Sale มากกว่า SMA(Day) โดยค่า (Day) นำมาจากช่อง Period
4. Last < SMA(Day)คือ Last Sale น้อยกว่า SMA(Day) โดยค่า (Day) นำมาจากช่อง Period
5. Last >, < Break High (Day)คือ Last Sale มากกว่า, น้อยกว่า Break High (Day) โดยค่า (Day) นำมาจากช่อง Period
6. Last >, < Break Low (Day) คือ Last Sale มากกว่า, น้อยกว่า Break Low (Day) โดยค่า (Day) นำมาจากช่อง Period
7. Last < Discount High (Day) เช่น ตั้งเงื่อนไข Last < Discount High (10) ที่ Slippage 5% ให้ส่งคำสั่งขาย หมายความว่า ถ้าราคา Last ต่ำกว่าราคาสูงสุดในรอบ 10 วัน ที่ 5% ให้ส่งคำสั่งขายออกไป
8. Last > Rebound Low (Day) เช่น ตั้งเงื่อนไข Last > Rebound Low (10) ที่ Slippage 5% ให้ส่งคำสั่งขาย หมายความว่า ถ้าราคา Last สูงกว่าราคาต่ำสุดในรอบ 10 วัน ที่ 5% ให้ส่งคำสั่งขายออกไป

• Value/Period คือ ค่าที่จะนามาเปรียบเทียบกับ ค่า Simple Conditions
• Slip Page(%) คือ ค่า % ที่ต่ากว่า High หรือ สูงกว่า Low กี่ %
• Price คือ ราคาต่อหน่วยของหลักทรัพย์ที่เสนอขายจะต้องไม่เกิน 3 Spread ของ Value /Period ที่ถูกกำหนดไว้ใน Conditions หรือ
MP = Market Price (จะจับคู่กับคำสั่งซื้อ 3 ระดับราคาตาม Best Price ที่อยู่ในคิว) *เฉพาะหุ้นที่มีราคาน้อยกว่า 0.20 บาท จึงจะใช้ 1 ระดับราคา
*** การระบุราคาโดยใส่ทศนิยม จะต้องระบุทศนิยม 2 ตาแหน่งเสมอ เช่น ราคา 12.4 บาท ต้องระบุเป็น 12.40


Take Profit : ล็อคกำไร ด้วย Auto Trade


Concept : การ Take profit เพื่อปกป้องกำไร


ตัวอย่าง นักลงทุนตั้งใจว่า

" หากราคาหุ้นขึ้น 10% ให้ขายทำกำไรหุ้นทั้งหมดหรือบางส่วนออกมา" ดังนั้น ขาย : เมื่อ ราคาปัจจุบัน > ราคาหุ้นในพอร์ต

จากภาพ หุ้น ITD

หากหุ้นในพอร์ต เราเข้าซื้อที่ราคา 7.30 บาท โดยพอใจกำไรที่ 10%
ดังนั้น เราจะขายทำกำไรที่ราคา 8 บาท ( 7.30 x 1.10 = 8 )

Action    : เมื่อราคา ITD สูงกว่าราคา 8.05 บาท ระบบจะส่งคำสั่งขายหุ้น ITD 1,000 หุ้น ที่ราคา 8 บาททันที ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมา 10%


• Buy คือ ปุ่มส่งคำสั่งซื้อ
• Sell คือ ปุ่มส่งคำสั่งขาย
• Symbol คือ ชื่อย่อของหลักทรัพย์ ซึ่งระบบจะมีตัวช่วย Auto Fill Symbol ทำให้สะดวกมากขึ้น
• Simple Conditions คือ เงื่อนไขในการตั้งค่า

1. Last >คือLast Sale มากกว่า ค่าในช่อง Value
2. Last <คือLast Sale น้อยกว่า ค่าในช่อง Value
3. Last > SMA(Day)คือ Last Sale มากกว่า SMA (Day) โดยค่า (Day) นำมาจากช่อง Period
4. Last < SMA(Day)คือ Last Sale น้อยกว่า SMA (Day) โดยค่า (Day) นำมาจากช่อง Period
5. Last >, < Break High (Day)คือ Last Sale มากกว่า, น้อยกว่า Break High (Day) โดยค่า (Day) นำมาจากช่อง Period
6. Last >, < Break Low (Day) คือ Last Sale มากกว่า, น้อยกว่า Break Low (Day) โดยค่า (Day) นำมาจากช่อง Period
7. Last < Discount High (Day) เช่นตั้งเงื่อนไข Last < Discount High(10) ที่ Slippage 5% ให้ส่งคำสั่งขาย หมายความว่า ถ้าราคา Last ต่ำกว่าราคาสูงสุดในรอบ 10 วัน ที่ 5% ให้ส่งคำสั่งขายออกไป
8. Last > Rebound Low (Day) เช่นตั้งเงื่อนไข Last > Rebound Low(10) ที่ Slippage 5% ให้ส่งคำสั่งขาย หมายความว่า ถ้าราคา Last สูงกว่าราคาต่ำสุดในรอบ 10 วัน ที่ 5% ให้ส่งคำสั่งขายออกไป

• Value/Period คือ ค่าที่จะนามาเปรียบเทียบกับ ค่า Simple Conditions
• Slip Page(%) คือ ค่า % ที่ต่ากว่า High หรือ สูงกว่า Low กี่ %
• Price คือ ราคาต่อหน่วยของหลักทรัพย์ที่เสนอขายจะต้องไม่เกิน 3 Spread ของ Value /Period ที่ถูกกำหนดไว้ใน Conditions หรือ
MP = Market Price (จะจับคู่กับคำสั่งซื้อ 3 ระดับราคาตาม Best Price ที่อยู่ในคิว) *เฉพาะหุ้นที่มีราคาน้อยกว่า 0.20 บาท จึงจะใช้ 1 ระดับราคา
*** การระบุราคาโดยใส่ทศนิยม จะต้องระบุทศนิยม 2 ตาแหน่งเสมอ เช่น ราคา 12.4 บาท ต้องระบุเป็น 12.40


คำสั่งขายแบบกลุ่ม : การตั้งชุดเงื่อนไข การขาย ล่วงหน้า


Concept : การตั้งเงื่อนไข ขาย ล่วงหน้า สามารถตั้งเงื่อนไขได้สูงสุด 3 เงื่อนไขต่อครั้ง

ตัวอย่าง ลูกค้าถือ SPA อยู่ต้นทุน 8 บาท จำนวน 10,000 หุ้น ต้องการขายทำกำไรที่ราคาเป้าหมาย 10 บาท โดยตั้งใจว่าจะตัดขาดทุน หากราคาตลาดต่ำกว่า 7 บาท
และให้ขายจากสัญญาณขายทางเทคนิค เมื่อราคาตลาดตำกว่าค่า Low 14 วัน
โดยหากเงื่อนไขใดเป็นจริงก่อน ให้ยกเลิกเงื่อนไขที่เหลือด้วย

Order Conditions


ตัวอย่างการสร้างเงื่อนไข

1. Take Profit (ขายที่ราคาเป้าหมาย): เมื่อ Last มากกว่าเท่ากับ 10 บาท ให้ส่งคำสั่งขาย MP ทันที

2. Trailing Stop (ขายจากสัญญาณทางเทคนิคที่ขยับราคาขึ้น): สร้างเงื่อนไขจากเส้น Break Low(LLV) เมื่อราคา Last < LLV(14 วัน) ก็จะส่งคำสั่งขาย MP

3. Cut Loss (ขายขาดทุน): เมื่อ Last น้อยกว่า 7 บาท ให้ส่งคำสั่งขาย MP ทันที

 

ปุ่ม Group Cancel


ทำเครื่องหมายถูกที่ Group Cancel  ระบบทำงานที่เงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งก่อน หากเงื่อนไขใดเป็นจริงก่อน เงื่อนไขอื่นๆที่เหลือจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ



หากไม่ทำเครื่องหมายถูกที่ Group Cancel ระบบจะทำตามเงื่อนไขทั้งหมดจนกว่าจะทำงานครบทั้ง 3 เงื่อนไขหรือคำสั่งหมดอายุ ตัวอย่างนี้ คือ 180 วัน


การใช้งาน Auto Trade จากสัญญาณทางเทคนิค SMA


Concept : การใช้ SMA เส้นเดียว มาประยุกต์ในการซื้อขาย คือ
ซื้อ   : เมื่อแท่งเทียนทะลุ SMA ขึ้น
ขาย : เมื่อ แท่งเทียนหลุดเส้น SMA ลง



Action : เมื่อราคา PTT > 329 บาท
ซึ่งเป็น ราคา SMA 14 วัน
ระบบจะส่งคำสั่งซื้อหุ้น PTT 1,000 หุ้น
ที่ราคา Market Price ไปตลาดหลักทรัพย์

 

Action : เมื่อราคา PTT < 362 บาท
ซึ่งเป็น ราคา SMA 14 วัน
ระบบจะส่งคำสั่งขายหุ้น PTT 1,000 หุ้น
ที่ราคา Market Price ไปตลาดหลักทรัพย์

* Indicator SMA สามารถดูได้จาก โปรแกรม eFin Stock Pickup โดยพิมพ์ .SMA ในหน้ากราฟเทคนิค (กด F7 เพื่อเปิดหน้ากราฟเทคนิค)


การใช้งาน Auto Trade โดยใช้สัญญาณเทคนิค HHV และ LLV



ตัวอย่าง
ต้องการซื้อหุ้น PTG จำนวน 5,000 หุ้น สร้างเงื่อนไข วันที่ 25/05/58

โดยใช้สัญญาณเทคนิค HHV เป็นสัญญาณในการซื้อ

และ LLV เป็นสัญญาณในการขาย คำนวนย้อนหลัง 14 วัน

Concept : การใช้งาน Auto Trade โดยใช้สัญญาณเทคนิคเป็นตัวช่วยในการสร้างเงื่อนไข Auto Trade

สัญญาณ HHV คือ High high Value สัญญาณเทคนิคคำนวนเฉลี่ยการซื้อขายสูงสุด ย้อนหลัง 14 วัน (หรือช่วงเวลาที่เรากำหนด) โดยใช้สัญญาณเทคนิค HHV เป็นสัญญาณในการซื้อ เมื่อเส้น .HHV ยกสูงขึ้น

สัญญาณ LLV คือ Low low value สัญญาณเทคนิคคำนวนเฉลี่ยการซื้อขายต่ำสุด ย้อนหลัง 14 วัน (สามารถกำหนดวันที่ต้องการได้) โดยใช้สัญญาณเทคนิค LLV เป็นสัญญาณในการขาย เมื่อเส้น .LLV ลดตัวต่ำลง

 

สร้างเงื่อนไข Auto Trade 2 เงื่อนไข


STEP 1

BUY: ส่งคำสั่งซื้อ หุ้น PTG จำนวน 5000 หุ้น เมื่อ ราคาตลาดปัจจุบัน มากกว่าราคา Break High 14 วันจากสัญญาณเทคนิค HHV ของเมื่อวาน เมื่อถึงเงื่อนไขให้ส่งคำสั่งซื้อทันที

STEP 2

Sell: ส่งคำสั่งขาย หุ้น PTG จำนวน 5,000 หุ้น เมื่อ ราคาตลาดปัจจุบัน น้อยกว่าราคา Break Low 14 วันจากสัญญาณเทคนิค LLV ของเมื่อวาน เมื่อถึงเงื่อนไขให้ส่งคำสั่งขายทันที

 

จากสัญญาณ HHV สร้างเงื่อนไขเมื่อวันที่ 25/05/58

• ณ วันที่ 26/05/58 ราคาหุ้น ยังต่ำกว่า HHV ของวันที่ 25/05/58 (.HHV = 11.20) => เงื่อนไข Auto Trade ยังไม่ทำงาน

• แต่เมื่อถึง ณ วันที่ 27/05/58 ราคาหุ้น สูงขึ้นมาแตะ HHV ของวันที่ 26/05/58 (.HHV = 11.20) => เงื่อนไข Auto Trade ส่งคำสั่งซื้อทันที

• สรุป : ฟังก์ชั่น Auto Trade ส่งคำสั่งซื้ออัตโนมัติ หุ้น PTG ที่ราคา 11.21 บาท จำนวน 5,000 หุ้น ในวันที่ 27/05/28

จากสัญญาณ LLV สร้างเงื่อนไขเมื่อวันที่ 25/05/58

• ณ วันที่ 16/07/58 ราคาหุ้น PTG ลงต่ำลงมา น้อยกว่า สัญญาณ LLV ของวันที่ 15/07/58 (.LLV = 15.00) => เงื่อนไข Auto Trade ส่งคำสั่งขายทันที

• สรุป : ฟังก์ชั่น Auto Trade ส่งคำสั่งขายอัตโนมัติ ที่ราคา 14.99 บาท จำนวน 5,000 หุ้น ในวันที่ 16/07/28

* Indicator HHV และ LLV สามารถดูได้จาก โปรแกรม eFin Stock Pickup โดยพิมพ์ .HHV หรือ .LLV ในหน้ากราฟเทคนิค (กด F7 เพื่อเปิดหน้ากราฟเทคนิค)


การใช้งาน Auto Trade แบบ DCA : การซื้อแบบสม่ำเสมอ สร้างวินัยการออม และมีโอกาสได้ราคาต้นทุนเฉลี่ยของหุ้นที่ดี ในระยะยาว



ตัวอย่าง
ตั้งใจใช้เงิินลงทุน 100,000 บาท ซื้อหุ้น CPALL สะสมไว้ โดยให้ทำการส่งคำสั่งซื้อทุกวันจันทร์ (Every Week) ภายในระยะเวลา 3 เดือน (16/7/2558 – 16/10/2558)

Concept : Dollar Cost Average: การลงทุนระยะยาว โดยทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดีสะสมไว้ ตามวันเวลาที่ตั้ง งวดละเท่าๆกัน ในวงเงินที่กำหนด โดยโปรแกรมนี้สามารถตั้งเงื่อนไขการซื้อหุ้นแบบถัวเฉลี่ยได้หลายตัวตามต้องการ (ควรเลือกลงทุนแบบ DCA ในช่วงที่แนวโน้มราคาหุ้นเป็นขาลง หรือ Sideway)

ขั้นตอนการสร้างคำสั่งซื้อแบบ DCA

1. เข้าเมนู Auto Trade เป็นการส่งคำสั่งซื้อขายอัติโนมัติแบบมีเงื่อนไข

2. เลือกแถบเมนู DCA (Dollar Cost Average)

3. คลิกปุ่ม Create เพื่อสร้างเงื่อนไข Auto Trade แบบ DCA

4. ใช้คำสั่ง DCA : เมื่อต้องการทยอยซื้อสะสมหุ้น ในจำนวนงวดละเท่าๆกัน ตามวงเงินที่กำหนด

ส่วนของหน้าจอ Simulate
• Symbol คือ ชื่อย่อของหลักทรัพม์ ซึ่งระบบจะมีตัวช่วย Auto Fill Symbol ทำให้สะดวก
• Start Date คือ เวลาเริ่มต้นที่จะให้ดำเนินการส่งคำสั่ง
• End Date คือ เวลาสิ้นสุดที่จะให้ดำเนินการส่งคำสั่ง
• Budget คือ จำนวนวงเงิน
• Timing คือ ช่วงเวลาที่จะให้ดำเนินการส่งคำสั่ง
• Price Limit คือ ราคาสูงสุดที่นักลงทุนสามารถกาหนดเอง ว่าเมื่อถึงเงื่อนไขห้ามซื้อเกินราคานี้ หรือหากไม่ต้องการกาหนดราคา สามารถกรอก 0 ลงไปในช่องดังกล่าวได้

**** ซึ่งการกาหนดช่วงวันที่ในการส่งคาสั่ง หากวันดังกล่าวตรงกับวันหยุดหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ให้ดูที่หัวข้อการส่งคาสั่ง DCA แบบกรณีพิเศษ ****

5. เมื่อกดปุ่ม Simulate ระบบจะแสดงวันที่ที่ระบบจะทำการซื้อหุ้น CPALL อัติโนมัติ พร้อมทั้งจำนวนเงิน ในการส่งคำสั่งซื้อ ตาม Budget ที่ได้กำหนดไว้ในแต่ละงวด

6. ใส่ Pin และกด Send เพื่อ Create Order แบบ DCA (Dollar Cost Average )

7. หลังจากส่งคำสั่งซื้อ จะแสดง Order ดังภาพ เมื่อดับเบิ้ลคลิกจะแสดงรายละเอียดของคำสั่ง DCA นั้นๆ

Action : เมื่อถึงวันที่ 20 Jul 15 (วันจันทร์แรก นับจากวันที่สร้างเงื่อนไข ตามภาพที่ 6) ระบบจะส่งคำสั่งซื้อหุ้น CPALL มูลค่าใกล้เคียงกับ Budget 7,692 บาท ไปตลาดหลักทรัพย์ ระบบจะดำเนินการส่งคำสั่งในช่วงเวลา Open 2 และส่งคำสั่งซื้อในราคา Top Price แรก ของหุ้นที่เลือก และจะมี Status เป็น ‘Sent’


การใช้งาน Auto Trade จาก MM : การควบคุมการขาดทุน


Concept : การควบคุมการขาดทุน MM : Money management คือ วิธีที่บริหารเงินลงทุนที่จะทำให้สามารถลงทุนได้อย่างยั่งยืน โดยเป็นการป้องกันการขาดทุน โดยนักลงทุนสามารถกำหนด % การขาดทุนที่ยอมรับได้ สำหรับการซื้อครั้งนั้น โปรแกรมจะคำนวณหาจำนวนหุ้นที่ซื้อได้ โดยที่แม้จะขาดทุน ก็จะไม่มีทางขาดทุนเกินกว่า %give up ที่นักลงทุนกำหนดไว้

การส่งคำสั่งโดยใข้หลัก MM : Money Management

ตัวอย่าง ณ วันที่ 13/05/58 นักลงทุนต้องการลงทุนหุ้น CPF มีเงินลงทุน 200,000 ต้องการซื้อหุ้น CPF โดยต้องการซื้อที่ 22.50 ตั้งใจว่าสามารถขาดทุนได้ 1% ของเงินทั้งพอร์ต

1. กดปุ่ม Buy ใส่ชื่อหุ้น CPF ระบุราคาที่ต้องการซื้อ 22.5 บาท

2. ใส่ราคา Stop Price (ราคาที่คิดว่าจะ Cut loss) ควรเป็นราคาที่ได้จากสัญญาณขายทางเทคนิคในตัวอย่างนี้ใช้ .LLV (5 Days) ที่ราคา 21.8 บาท

3. ระบุ % Give up คือ 1% ซึ่งหมายถึง ในการซื้อครั้งนี้เราสามารถขาดทุนได้ 1 % ของ พอร์ต (Equity = 200,000 บาท)

4. จากนั้นระบบจะคำนวน Loss และ Volume อัตโนมัติ

คือ ในการส่งคำสั่งซื้อออเดอร์นี้ นักลงทุนจะ รับการขาดทุนได้ Equity x %give up => 200,000 x 1% = 2,000 บาท

คือ จำนวนหุ้น = จำนวนหุ้นที่ยอมรับการขาดทุนในออเดอร์นี้ / ส่วนต่างของราคาที่ลดลง => (2000 / (22.5 - 21.8)) = 2,800 หุ้น

5. คลิก Auto stop loss เพื่อให้ระบบส่งคำสั่ง ขาย ให้อัตโนมัติ ที่ราคา MP หากหุ้นราคาลงมาถึง 21.80 บาท (หากไม่คลิก Auto stop loss ระบบจะส่งคำสั่งซื้อเพียงอย่างเดียว )


หลักการทำงานของ Auto Trade


  • กรอบการลงทุนในหลักทรัพย์สำหรับการใช้ระบบส่งคำสั่งอัตโนมัติ Auto Trade สามารถใช้ได้ในหลักทรัพย์ทุกตัวที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  • Order ที่ส่งมาจากระบบส่งคำสั่งอัตโนมัติ Auto Trade จะทำการส่งออก Trigger ครั้งเดียว หลังจากนั้นให้เข้าใจว่าเป็นการส่งคำสั่งแบบปกติ หากจับคู่ไม่หมดจะตั้งรอ pending ไว้จนกว่าตลาดจะปิด เมื่อตลาดปิดแล้ว Order นั้นจะถูก clear ทิ้ง ณ สิ้นวัน
  • ไม่มีการใช้งานคำสั่งแบบ MO ML ATO ATC IOC และ FOK บนระบบ Auto Trade ทั้งหมด
  • หลักทรัพย์ 1 ตัว สามารถตั้งเงื่อนไข บนบัญชีใดบัญชีหนึ่งเท่านั้น เช่น ตั้งเงื่อนไขบนบัญชีแคชบาลานซ์แล้ว จะไม่สามารถตั้งเงื่อนไขของหลักทรัพย์ตัวนี้บนบัญชีเครดิตบาลานซ์ได้อีก เป็นต้น
  • หลักทรัพย์ 1 ตัว สามารถตั้งเงื่อนไขที่ Volume รวมกันไม่เกิน 10% ของปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ตัวนั้นๆเฉลี่ย 20 วัน (Avg Vol20) โดยนับรวมทุกเงื่อนไขที่ตั้งในชุดคำสั่ง ชุดที่ 1, 2, 3, 4 และ MM
  • ณ วันที่ตั้งคำสั่ง สามารถตั้งเงื่อนไขซื้อได้ไม่เกินมูลค่าของพอร์ต(ไม่เกิน Equity ที่มี) ที่ 100 %(หรือตามที่ บล.กำหนด) จากมูลค่า Equity ตั้งต้น ณ วันนั้นๆ โดยนับรวมทุกชุดคำสั่ง
  • กำหนดให้บัญชีที่จะสามารถใช้งาน Auto Trade ได้จะต้องมีมูลค่า Equity ในบัญชีไม่เกิน 100 ล้านบาท
  • คำสั่งที่ส่งออกจากระบบ Auto Trade ทุกคำสั่ง หากพบว่าเป็นคำสั่งที่ไม่เหมาะสม จะถูกตรวจสอบและป้องกัน เหมือนคำสั่งซื้อขายปกติ
  • รูปแบบการส่งคำสั่ง Auto Trade และการทำงานเมื่อถึงเงื่อนไข แบบต่างๆ

รูปแบบการส่งคำสั่ง Auto Trade แบบ Limit price และ MP สำหรับหลักทรัพย์ที่ตั้งเงื่อนไข มากกว่าหรือเท่ากับ 0.20 บาท ใน Function Auto Trade Type 1, 2, 3  โดยมีตัวอย่าง ดังนี้ 

Bid Qty

Bid Price

Ask Price

Ask Qty

200

10.50

10.70

100

200

10.40

10.90

200

200

10.10

11.00

300

200

10.00

11.10

500

หากตั้ง Auto Trade ให้ทำการส่งคำสั่งแบบ Limit Price ระบบจะส่งราคาตามที่กำหนดไว้ เช่น ซื้อในราคาที่ไม่สูงกว่าที่กำหนดไว้ หรือว่าขายในราคาที่ไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ (ไม่เกิน +-3 ช่อง spread จากราคาเงื่อนไข)

ยกตัวอย่าง กำหนดให้ราคาล่าสุด (Last Price) เท่ากับ 10.50 โดยตั้งเงื่อนไข Auto Trade ไว้ดังนี้

  • กรณี ซื้อ  หาก Last > 10.40 ให้ทำการส่งคำสั่งซื้อ ที่ราคา 10.50 บาท

ดังนั้นราคาที่ถูกส่ง ซื้อ ไปนั้นจะเท่ากับ 10.50 บาท

  • กรณี ขาย หาก Last < 10.60 ให้ทำการส่งคำสั่งขาย ที่ราคา 10.30 บาท

ดังนั้นราคาที่ถูกส่ง ขาย ไปนั้นจะเท่ากับ 10.30 บาท

  • หากตั้ง Auto Trade ให้ทำการส่งคำสั่งแบบ MP ระบบจะส่งราคาโดยแยกเป็นกรณีดังนี้ (ไม่เกิน +-3 ช่อง spread จาก Last Price)

ยกตัวอย่าง กำหนดให้ราคาล่าสุด (Last Price) เท่ากับ 10.50

  • กรณี ซื้อ  หาก Last > 10.40 ให้ทำการส่งคำสั่ง ซื้อ ที่ราคา MP (การทำงานส่งราคาสูงสุดไม่เกิน 3 spread จาก Last Price)

ดังนั้นราคาที่ถูกส่ง ซื้อ ไปนั้นจะเท่ากับ 10.80 บาท ซึ่งราคาที่จับคู่ได้ตั้งแต่ 10.60, 10.70, 10.80

  • กรณี ขาย  หาก Last < 10.60 ให้ทำการส่งคำสั่ง ขาย ที่ราคา MP (การทำงานส่งราคาต่ำสุดไม่เกิน 3 spread จาก Last Price)

ดังนั้นราคาที่ถูกส่ง ขาย ไปนั้นจะเท่ากับ 10.20 บาท ซึ่งราคาที่จับคู่ได้ตั้งแต่ 10.40, 10.30, 10.20

 

รูปแบบการส่งคำสั่ง กรณี ตั้งคำสั่งแบบเงื่อนไข Last >, Last < สำหรับหลักทรัพย์ใน Function Auto Trade Type 1, 2, 3 หากเป็นหลักทรัพย์ตัวเดียวกัน การกำหนดเงื่อนไขแต่ละเงื่อนไขต้องห่างกัน 6 Spread โดยมีตัวอย่าง ดังนี้

Bid Qty

Bid Price

Ask Price

Ask Qty

200

10.50

10.70

100

200

10.40

10.90

200

200

10.10

11.00

300

200

10.00

11.10

500

300

9.90

11.20

300

                               
ยกตัวอย่าง กำหนดให้ราคา Last ปัจจุบัน เป็น 10.70

    • ตัวอย่างคำสั่งซื้อ

ต้องตั้งคำสั่งโดยเงื่อนไขห่างกันอย่างน้อย 6 Spread เช่น
      - คำสั่งเริ่มตั้ง เงื่อนไขที่ Last > 9.90 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price
      - คำสั่งต่อไป เงื่อนไขที่  Last > 10.50 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price
      - คำสั่งต่อไป เงื่อนไขที่  Last > 11.10 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price      

    • ยกตัวอย่างคำสั่งขาย

ต้องตั้งคำสั่งโดยเงื่อนไขห่างกันอย่างน้อย 6 Spread เช่น
      - คำสั่งเริ่มตั้ง เงื่อนไขที่  Last > 9.90 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price
      - คำสั่งต่อไป เงื่อนไขที่  Last > 10.50 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price
      - คำสั่งต่อไป เงื่อนไขที่  Last > 11.10 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price

รูปแบบการส่งคำสั่ง กรณี ตั้งคำสั่งแบบเงื่อนไขจาก ราคา Technical

หลักทรัพย์ A กำหนดให้ราคาล่าสุด (Last Price) เท่ากับ 10.60 โดยตั้งเงื่อนไข Auto Trade ไว้ดังนี้

    •       ยกตัวอย่าง เงื่อนไข Last > SMA(10) ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price

จะใช้ราคาของเส้นค่าเฉลี่ย  SMA(10) ของวันก่อนมาคำนวณ จะได้ค่าเท่ากับ @10.800 (เป็นตัวเลขประมาณการณ์ ซึ่งบนระบบจริงนั้นจะเป็นการคำนวณตามราคาหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นจริงย้อนหลังไป 10 วัน ) หากราคาในวันปัจจุบันมากกว่า @10.800 ก็จะส่งคำสั่งออกจากระบบ Auto Trade โดยจะส่งที่ราคาไม่เกิน 3 ช่อง spread (ราคา SMA(10) จะมีการอัพเดท 2 ช่วงเวลา ได้แก่ ช่วงเช้าตอนเปิดระบบ และช่วงที่ 2 เวลา 13.10 น.  )

    •       ยกตัวอย่าง เงื่อนไข Last > Break High(15) ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price

จะใช้ราคา High ย้อนหลังของหลักทรัพย์ 15 วันมาคำนวณ (อิงจาก Indicator HHV) จะได้ค่าเท่ากับ @11.210 (เป็นตัวเลขประมาณการณ์ ซึ่งบนระบบจริงนั้นจะเป็นการคำนวณตามราคาหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นจริงย้อนหลังไป 15 วัน ) หากราคาในวันปัจจุบันมากกว่า @11.210 ก็จะส่งคำสั่งออกจากระบบ Auto Trade (ราคา HHV(15) จะมีการอัพเดทช่วงเช้าตอนเปิดระบบ)

รููปแบบการส่งคำสั่ง กรณี ส่งแบบ Limit price และ MP สำหรับหลักทรัพย์ที่ตั้งเงื่อนไข ต่ำกว่า 0.20 บาท ใน Function Auto Trade Type 1, 2, 3, 4, MM โดยมีตัวอย่าง ดังนี้

Bid Qty

Bid Price

Ask Price

Ask Qty

200

0.13

0.14

100

200

0.12

0.15

200

200

0.11

0.16

300

200

0.10

0.00

0

  • หากตั้ง Auto Trade ให้ทำการส่งคำสั่งแบบ Limit Price ระบบจะส่งราคาตามที่กำหนดไว้ แต่ไม่เกิน 1ช่อง spread จาก เงื่อนไข เช่น ซื้อในราคาที่ไม่สูงกว่าที่กำหนดไว้ หรือว่าขายในราคาที่ไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ เป็นต้น

ยกตัวอย่าง กำหนดให้ราคาล่าสุด (Last Price) เท่ากับ 0.13 โดยตั้งเงื่อนไข Auto Trade ไว้ดังนี้

  • กรณี ซื้อ  หาก Last > 0.12 ให้ทำการส่งคำสั่งซื้อ ที่ราคา 0.13 บาท

ดังนั้นราคาที่ถูกส่ง ซื้อ ไป ไปนั้นจะเท่ากับ 0.13 บาท

  • กรณี ขาย หาก Last < 0.14 ให้ทำการส่งคำสั่งขาย ที่ราคา 0.13 บาท

ดังนั้นราคาที่ถูกส่ง ขาย ไป ไปนั้นจะเท่ากับ 0.13 บาท

  • หากตั้ง Auto Trade ให้ทำการส่งคำสั่งแบบ MP ระบบจะส่งราคาโดยแยกเป็นกรณีดังนี้ (ไม่เกิน +-1 ช่อง spread จาก Last Price)

ยกตัวอย่าง กำหนดให้ราคาล่าสุด (Last Price) เท่ากับ 0.13

  • กรณี ซื้อ  หาก Last > 0.12 ให้ทำการส่งคำสั่ง ซื้อ ที่ราคา MP (การทำงานส่งราคาสูงสุดไม่เกิน 1 ช่อง spread จาก Last Price)

ดังนั้นราคาที่ถูกส่ง ซื้อ ไปนั้นจะเท่ากับ 0.14 บาท ซึ่งราคาที่จับคู่ได้คือ 0.14

  • กรณี ขาย  หาก Last < 0.14 ให้ทำการส่งคำสั่ง ขาย ที่ราคา MP (การทำงานส่งราคาต่ำสุดไม่เกิน 1 ช่อง spread จาก Last Price)

ดังนั้นราคาที่ถูกส่ง ขาย ไปนั้นจะเท่ากับ 0.13 บาท ซึ่งราคาที่จับคู่ได้คือ 0.13

รูปแบบการส่งคำสั่ง กรณี ตั้งคำสั่งแบบเงื่อนไข Last >, Last < สำหรับหลักทรัพย์ที่ตั้งเงื่อนไขต่ำกว่า 0.20 บาท ใน Function Auto Trade Type 1, 2, 3 โดยมีตัวอย่าง ดังนี้

Bid Qty

Bid Price

Ask Price

Ask Qty

200

0.13

0.14

100

200

0.12

0.15

200

200

0.11

0.16

300

200

0.10

0.00

0

ยกตัวอย่าง กำหนดให้ราคา Last ปัจจุบัน เป็น 0.14

    • ยกตัวอย่างคำสั่งซื้อ

กรณีหลักทรัพย์ตัวเดียวกัน ไม่สามารถตั้งเงื่อนไขที่ Value แตกต่างกันได้
- เงื่อนไข Last > 0.13 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price
- เงื่อนไข Last < 0.13 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price
- เงื่อนไข Last > 0.15 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price เงื่อนไขนี้จะไม่สามารถตั้งคำสั่งได้

    • ยกตัวอย่างคำสั่งขาย

กรณีหลักทรัพย์ตัวเดียวกัน ไม่สามารถตั้งเงื่อนไขที่ Value แตกต่างกันได้
- เงื่อนไข Last > 0.13 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price
- เงื่อนไข Last < 0.13 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price
- เงื่อนไข Last > 0.14 ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price เงื่อนไขนี้จะไม่สามารถตั้งคำสั่งได้ 

รูปแบบการส่งคำสั่ง กรณี ตั้งคำสั่งแบบเงื่อนไขจากราคา Technical สำหรับหลักทรัพย์ที่ตั้งเงื่อนไข ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 0.20 บาท

หลักทรัพย์ A กำหนดให้ราคาล่าสุด (Last Price) เท่ากับ 0.13 โดยตั้งเงื่อนไข Auto Trade ไว้ดังนี้

    • ยกตัวอย่าง เงื่อนไข Last > SMA(10) ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price

หากใช้ราคาของเส้นค่าเฉลี่ย  SMA(10) ของวันก่อนหน้ามาคำนวณ จะได้ค่าเท่ากับ @0.143 (เป็นตัวเลขประมาณการณ์ ซึ่งบนระบบจริงนั้นจะเป็นการคำนวณตามราคาหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นจริงย้อนหลังไป 10 วัน) หากราคาในวันปัจจุบันมากกว่า @0.143 ก็จะส่งคำสั่งออกจากระบบ Auto Trade

    • ยกตัวอย่าง เงื่อนไข Last > Break High(15) ให้ส่งคำสั่งซื้อที่ราคา MP หรือ Limit Price

หากใช้ราคา High ย้อนหลังของหลักทรัพย์ 15 วันก่อนหน้ามาคำนวณ (อิงจาก Indicator HHV) จะได้ค่าเท่ากับ @0.170 (เป็นตัวเลขประมาณการณ์ ซึ่งบนระบบจริงนั้นจะเป็นการคำนวณตามราคาหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นจริงย้อนหลังไป 15 วัน) หากราคาในวันปัจจุบันมากกว่า @0.170 ก็จะส่งคำสั่งออกจากระบบ Auto Trade



เงื่อนไขที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้


  • ราคาถึงเงื่อนไขก่อนค่อยส่งคำสั่งไปเข้าคิว จะแพ้คนที่เข้าคิวด้วยระบบปกติ
  • หากมีคนตั้ง Auto Trade เหมือนกันเยอะก็ต้องเข้าคิวเช่นกัน
  • หุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ หรือสภาพคล่องไม่ปกติ อาจมีจำนวนหุ้นไม่มากพอกับปริมาณที่ต้องการ และราคาที่ได้จากการส่งคำสั่งแบบ MP อาจจะคลาดเคลื่อนไปจากราคาที่ต้องการ
  • คำสั่ง Auto Trade จะทำงานโดยเทียบจากราคา Last ดังนั้น คำสั่ง Auto Trade จะทำงานเมื่อ Market Status อยู่ในช่วง Open1 และ Open 2 หมายความว่า หากราคาเงื่อนไขเกิดขึ้นตอน Call Market คำสั่ง Auto Trade จะไม่ทำงาน
  • คำสั่ง Auto Trade ที่ยังไม่ executed จะคงอยู่ หากท่านขายหุ้นไปตามปกติจนเหลือจำนวนหุ้นไม่พอตามคำสั่ง Auto Trade เมื่อ executed คำสั่งไปจะไม่สามารถ Matched ได้
  • คำสั่ง Auto Trade ก็สามารถยกเลิกได้ ในกรณีที่ยังไม่ executed โดยดูรายการคำสั่ง Auto Trade ค้างส่งได้ที่ View Order > View Auto Trade

เทคนิคการส่งคำสั่ง


  • หากต้องการซื้อด้วยเงื่อนไขราคา Last ต้องส่งคำสั่งแพงกว่า ราคาเงื่อนไขอย่างน้อย 1 ช่องราคา
  • หากต้องการขายด้วยเงื่อนไขราคา Last ต้องส่งคำสั่งถูกกว่า ราคาเงื่อนไขอย่างน้อย 1 ช่องราคา
  • หากต้องการซื้อขายด้วยระบบอ้างอิงสัญญาณเทคนิค Simple Moving Average (SMA) และ Break High/Low ควรส่งด้วยราคา MP หรือ Market Price เท่านั้น
  • การซื้อขายด้วยราคา MP ผ่านระบบ Auto Trade คือ การซื้อทุกราคาที่ไม่เกิน +3 spread และขายทุกราคาที่ไม่เกิน - 3 spread โดยซื้อให้ครบตามจำนวนหุ้นที่ต้องการ หากได้หุ้นไม่ครบตามจำนวน ระบบจะส่งคำสั่งให้ใหม่อัตโนมัติ ในราคา Last Sale
  • การส่งคำสั่งซื้อ Market Order ทุกรูปแบบ (MP/MO/ML) โปรแกรม eFin Trade Plus จะคิดราคาของหุ้นที่ซื้อที่ราคา Ceiling(+30% จากราคาปิดเมื่อวาน) ส่งผลให้คำสั่งซื้อนั้นอาจจะไม่สามารถซื้อได้ (Order Reject) เนื่องจากอำนาจซื้อไม่พอ

ข้อมูลสำคัญ


  • เงื่อนไขที่ถึงเกณฑ์ราคาตามที่กำหนด ระบบ Auto Trade จะส่งคำสั่งออกไปยังระบบซื้อขายปกติ เหมือนมีคนคีย์คำสั่งซื้อขายเอง
  • เมื่อมีการส่งคำสั่งจากระบบ Auto Trade เข้าไปยังระบบปกติ นักลงทุนอาจจะยังไม่ได้หุ้นตัวนั้นทันที เนื่องจากต้องรอคิวจากคนที่ส่งคำสั่งปกติเอาไว้ก่อนหน้า
  • อย่าลืมว่าถ้าคำสั่งออกจากระบบ Auto Trade ก็ต้องไปรอต่อคิวในระบบปกติ!!!
  • หุ้นที่ราคาต่ำกว่าบาท, หุ้นที่ไม่มีสภาพคล่อง หรือ DW อาจไม่เหมาะกับการใช้งานระบบ Auto Trade เนื่องจากจำนวนหุ้นอาจไม่พอต่อความต้องการ ทำให้พอส่งคำสั่ง MP แล้วจำนวน Vol ในช่วง 3 Spread ไม่เพียงพอ ก็จะทำให้ไม่ได้ของไป
  • Auto Trade จะทำงานเฉพาะตอนตลาดเปิดปกติเท่านั้น
  • เมื่อถึงเงื่อนไข ระบบ Auto Trade ส่งคำสั่งออกไป แต่ไปเช็คเจอว่าเงินในพอร์ตมีไม่พอ คำสั่งนั้นจะถูก Reject ออก ทำให้ไม่ได้หุ้นตัวนั้นๆ
  • คำสั่ง Auto Trade สามารถ Cancel ได้ก็ต่อเมื่อยังไม่ถูกส่งออกไปจากระบบ Auto Trade ซึ่งสามารถคลิกที่ปุ่มสีแดงหน้าชื่อหุ้น แล้วกดปุ่ม Cancel ด้านขวามือ
  • หากคำสั่งที่ตั้งไว้บนระบบ Auto Trade ยังไม่ตรงกับเงื่อนไขที่กำหนด คำสั่งดังกล่าวจะยังคงอยู่จนกว่าจะครบตามจำนวนวันหมดอายุที่กำหนด (Expire) สูงสุดที่ 180 วัน
  • ระบบ Auto Trade สามารถตั้งเงื่อนไขในหุ้นตัวเดียวกันได้หลายเงื่อนไข แต่ถ้าหากเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งตรงเงื่อนไข ระบบก็จะส่งคำวั่งเข้าไปยังระบบซื้อขายปกติ และจะเช็คว่าจำนวนเงินพอหรือไม่, จำนวนหุ้นพอขายตามเงื่อนไขที่กำหนดหรือไม่ หากมีไม่พอ คำสั่งดังกล่าวก็จะถูก Reject ออกจากระบบปกติ แต่ในระบบ Auto Trade จะขึ้นสถานะ Send คือทำตามคำสั่งให้เรียบร้อยแล้ว
  • ระบบ Auto Trade จะไม่ตัดวงเงินของนักลงทุนล่วงหน้า ทำให้นักลงทุนยังสามารถทำการซื้อขายแบบปกติได้ต่อไป ดังนั้นนักลงทุนควรมีเงินในพอร์ตให้เพียงพอต่อการส่งคำสั่งบนระบบ Auto Trade ด้วย
  • เมื่อระบบ Auto Trade มีการส่งคำสั่งเข้าสู่ระบบปกติ ทางโปรแกรมจะมีการส่ง Notification แจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์ Tablet/Smart Phone ที่เคยเข้าใช้งานมาก่อนให้อีกด้วย
  • Auto Trade Type 2 นี้ สามารถตั้งได้ครั้งละ 3 เงื่อนไขใน 1 ชุดคำสั่ง

 

หมายเหตุ

  • รองรับการส่งคำสั่ง ขาย สำหรับบัญชี Cash / Cash Balance
  • การส่งคำสั่งด้วย Auto Trade ในรูปแบบปกติ เงื่อนไขนั้นจะอยู่ไปตลอดจนกว่าเราจะไปยกเลิก(สูงสุด 180 วัน) หรือ ราคาถึงเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด ดังนั้นห้ามลืมเด็ดขาด หากต้องการให้ทำงานแค่วันเดียวต้องเลือก Expire: End Day ด้วย
  • คำสั่ง Auto Trade ที่ถึงเงื่อนไขและทำงานไปแล้ว (Status = sent ) หรือ คำสั่งที่หมดอายุ (Status = expired ) จะแสดงในโปรแกรม 30 วัน หลังจากนั้นจะไม่สามารถดู order เหล่านี้ได้อีก
  • ราคาหุ้นตัวไหนที่ถึงเงื่อนไข แต่ซื้อขายได้จำนวนหุ้นไม่ครบ เมื่อข้ามวันระบบ Auto Trade นั้นจะถือว่าทำงานไปแล้ว ดังนั้นนักลงทุนต้องตรวจสอบอีกครั้ง
  • Notification จะมีการเตือน 2 ครั้ง คือ เมื่อราคาถึงเงื่อนไขและส่งคำสั่งออกไป 1 ครั้ง และ เมื่อซื้อขายหุ้นนั้นได้แล้วจะแจ้งอีก 1 ครั้ง ซึ่งการแจ้งนั้นความช้าเร็วควบคุมไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบบ Notification ของ IOS และ Android
  • สัญญาณเทคนิค Simple Moving Average (SMA) คำนวณราคาเป้าหมายใหม่และ update ทุกครึ่งวัน เช่น ถ้าสร้างเงื่อนไขตอนเช้าจะใช้ค่า sma ของเมื่อวาน หากสร้างเงื่อนไขตอนบ่ายจะใช้ค่า sma ของครึ่งเช้า เป็นราคาเป้าหมายในการสร้างเงื่อนไข และจะปรับค่าให้อัตโนมัติทุกครึ่งวัน
  • สัญญาณเทคนิค Break High/Low (HHV และ LLV) คำนวณใหม่และ update หลังตลาดปิดทุกวัน เช่น ถ้าสร้างเงื่อนไขวันนี้จะใช้ค่า HHV และ LLV ของเมื่อวาน เป็นราคาเป้าหมายในการสร้างเงื่อนไข และจะปรับค่าให้อัตโนมัติทุกวัน






คำถามที่พบบ่อย


1. ใครสามารถใช้งาน Auto Trade ได้บ้าง

ลูกค้า บล.กรุงศรี พัฒนสิน ทุกคนที่มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ต สามารถใช้งาน Auto Trade ได้

2. มีขั้นต่ำต่อออเดอร์หรือไม่ เสียค่าธรรมเนียมการส่งหรือไม่

ไม่จำกัดมูลค่าการซื้อขายขั้นต่ำต่อครั้งในการส่งคำสั่ง และไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆเพิ่มเติมนอกจากค่าคอมมิชชั่นของการส่งคำสั่งผ่านอินเทอร์เน็ตตามปกติ

3. ส่งคำสั่ง Auto Trade ได้ยังไง

เปิดโปรแกรม eFin Trade Plus เลือกเมนู Auto Trade
1. ลูกค้าใส่คำสั่งซื้อขายที่ต้องการ (Order ปกติ)
2. เลือก Auto Trade เพื่อสร้าง Auto Trade order
3. ใส่เงื่อนไขที่ตั้งใจเช่น เมื่อราคาหุ้นถึงเป้าหมาย ให้ระบบทำการส่งคำสั่งซื้อขายในข้อ 1 ไปตลาดหลักทรัพย์

4. หุ้นตัวเดียวกัน สามารถ Auto Trade order หลายรายการ หลายเงื่อนไขได้หรือไม่

การส่งคำสั่ง Auto Trade ระบบจะยังไม่ตรวจสอบวงเงินหรือจำนวนหุ้น จนกว่าจะถึงเงื่อนไขแล้ว Auto Trade ทำงานออเดอร์แรกที่เข้าเงื่อนไขก่อนจะถูกส่งเข้าตลาดฯ และจังหวะนั้นเองระบบจะทำการตรวจสอบวงเงินและจำนวนหุ้นเหมือนการส่งคำสั่งผ่านอินเทอร์เน็ตตามปกติ

5. จะดูคำสั่ง Auto Trade ที่ส่งไปแล้วได้ที่ไหน

โปรแกรม eFin Trade Plus เลือกเมนู Auto Trade

6. หากเปลี่ยนใจ สามารถยกเลิกคำสั่ง Auto Trade ได้หรือไม่

สามารถยกเลิกได้โดยเลือกเมนู Auto Trade คลิกปุ่มสีแดงข้างหน้า Order ที่ต้องการยกเลิก หลังจากนั้นคลิกปุ่ม Cancel (ยังไม่สามารถโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ยกเลิกได้)

7. อยากตั้ง Auto Trade แค่วันเดียว ทำได้หรือไม่

ได้ โดยหลังจากใส่เงื่อนไขแล้ว ให้เลือก Expire : End Day

8. ราคาเป้าหมายที่เกิดจากสัญญาณเทคนิคจะอัพเดตเมื่อไหร่

สัญญาณเทคนิค Simple Moving Average (SMA) คำนวณใหม่และ update ทุกครึ่งวัน

9. หากถึงเงื่อนไขแล้ว Auto Trade ทำงาน จะมีการแจ้งเตือนทางมือถือหรือไม่

จะมีการเตือน 2 ครั้ง ผ่าน Mobile Notification คือ เมื่อราคาถึงเงื่อนไขและส่งคำสั่งออกไป 1 ครั้ง และ เมื่อซื้อขายหุ้นนั้นได้แล้วจะแจ้งอีก 1 ครั้ง ซึ่งการแจ้งนั้นความช้าเร็วควบคุมไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบบ Notification ของ IOS และ Android

10. เมื่อ Auto Trade Order ถึงเงื่อนไข จะเกิดอะไรขึ้น

ระบบจะส่งคำสั่งปรกติเข้าไปในตลาด และจะบันทึกสถานะ Auto Trade Order นั้นว่า “Sent” และแจ้งรายละเอียดการส่งคำสั่งด้วย

11. ทำไมออเดอร์ที่ตั้งไว้ถึงไม่ถูกส่งเข้าตลาด

ให้ตรวจสอบราคาเป้าหมายอีกครั้งใน เมนู View Order -> View Auto Trade Order ว่าถึงเงื่อนไขหรือยัง เพราะหากเป็นเงื่อนไขที่อ้างอิงสัญญาณเทคนิคจะมีการปรับราคาเป้าหมายทุกครึ่งวัน

12. หากถึงเงื่อนไขแล้ว Auto Trade ทำงาน ทำไมออเดอร์ไม่ Match

เมื่อราคาหุ้นถึงเงื่อนไข แต่ต้องต่อคิวและไม่ถึงคิว หรือ Match บางส่วน เมื่อข้ามวันระบบ Auto Trade นั้นจะถือว่าทำงานไปแล้ว ดังนั้นนักลงทุนต้องตรวจสอบอีกครั้ง

13. ส่งคำสั่ง Short แบบ Auto Trade ได้หรือไม่

เวอร์ชั่นปัจจุบันยังไม่สามารถส่งคำสั่ง shortได้

14. สร้าง Auto Trade order ได้มากที่สุดกี่คำสั่ง

ไม่จำกัดจำนวนคำสั่ง แต่ลูกค้าต้องจดจำสิ่งที่ลูกค้าสร้าง Auto Trade Order ไว้ เพราะเงื่อนไขนั้นจะอยู่ไปตลอดจนกว่าเราจะไปยกเลิก หรือ ราคาถึงเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด


สนใจเปิดบัญชีออนไลน์คลิกที่นี่

www.krungsricapital.com
To Top